menu

การเดินทางของนีโอ

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

พ.ศ. 2532

ด้วยปณิธานและความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กับผู้บริโภคคนไทย พร้อมความเข้าใจถึงความต้องการอย่างแท้จริง ทั้งภาพลักษณ์อันทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน ในราคาที่เหมาะสม จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลประเภท โคโลญ และ ดีโอโดแรนท์ โรลออน ภายใต้แบรนด์ เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) ซึ่งได้รับความนิยมทันทีที่ออกสู่ตลาด ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์สำหรับวัยรุ่นหญิง

พ.ศ. 2533

ตอบโจทย์ให้กับความต้องการของผู้ชายที่อยากเสริมความมั่นใจ และเติมความใส่ใจในการดูแลตนเอง ด้วยผลิตภัณฑ์โคโลญ และ โรลออน ภายใต้แบรนด์ ทรอส (TROS) ซึ่งนับเป็นโคโลญผู้ชายแบรนด์แรกของประเทศ โดยได้รับการตอบรับจากตลาดในทันที พร้อมคงความเป็นที่ 1 ตลอดมา

พ.ศ. 2534

ขยายตลาดสู่การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลครัวเรือน โดยนำเสนอแบรนด์ ไฟน์ไลน์ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างตลาดของผลิตภัณฑ์รีดผ้าเรียบ ประกอบกับการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ชนิดถุงหรือ Pouch เนื่องจาก
เล็งเห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของ
ผู้บริโภค ส่งผลให้ ไฟน์ไลน์ กลายเป็นเจ้าตลาดรีดผ้าเรียบและอัดกลีบภายใน 2-3 ปีจากนั้น

พ.ศ. 2538

ผลิตภัณฑ์ไฟน์ไลน์ ขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทซักผ้า (Delicate Wash) ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค สะท้อนผ่านส่วนแบ่งทางการตลาดซึ่งจัดอยู่ที่อันดับ 2 ภายใน
ปีแรก

พ.ศ. 2540

เพิ่มความใส่ใจและดูแลสมาชิกในครอบครัวอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดสำหรับเด็ก แบรนด์ ดีนี่ (D-nee) โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ซักผ้า ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปีแรก ก็ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อและคุณแม่ในการช่วยดูแลลูกน้อย กับส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2

พ.ศ. 2542

ตอบรับความต้องการ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจของผู้หญิงด้วยผลิตภัณฑ์ดีโอโดแรนท์ จากแบรนด์ วีไวต์ (Vivite) โดยมีคุณลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มาจากส่วนผสมธรรมชาติ จึงนับเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดนี้ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

พ.ศ. 2545

สร้างความแตกต่างโดดเด่นให้กับตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำด้วยแบรนด์ บีไนซ์ (BeNice) ที่เน้นคุณสมบัติเด่นด้านการกระชับผิว พร้อมส่วนผสมจากสารสกัดผลไม้ให้กลิ่นหอมสดชื่น จึงได้รับความนิยมทันทีที่เข้าสู่ตลาดการันตีด้วยการติดอันดับ top 3 ซึ่งตลาดมีการแข่งขันสูงมาก ขณะที่ บีไนซ์ สูตรสีเขียวได้ครองอันดับ 1 ในหลายช่องทางการจัดจำหน่ายตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

พ.ศ. 2548

ตอบโจทย์ความต้องการด้านคุณภาพ ความหอมยาวนาน ราคาคุ้มค่า ของตลาดผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มด้วยแบรนด์ สมาร์ท (SMART) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นจากส่วนแบ่งการตลาดที่ทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 ของเซ็กเมนต์ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี

พ.ศ. 2550

ขยายโอกาสทางธุรกิจและการตลาด ด้วยการจัดตั้งแผนกส่งออก (Export Department) เพื่อรองรับความสนใจของผู้บริโภคในหลากหลายประเทศ โดยสร้างการเติบโตทาง
ยอดขายอย่างต่อเนื่อง

พ.ศ. 2552

สร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดในประเทศกับผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวสำหรับเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป โดยแนะนำ ดีนี่ คิดส์ (D-nee Kids) ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในเซ็กเมนต์นี้

พ.ศ. 2553

ศาสตร์แห่งความสะอาดล้ำลึกสไตล์ญี่ปุ่นได้ถูกถ่ายทอดมายังคุณแม่บ้านในไทย เพื่อช่วยดูแลความสะอาดภายในบ้านได้อย่างสะอาด รวดเร็ว และมั่นใจ กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นบ้านและห้องน้ำภายใต้แบรนด์ โทมิ (Tomi)

พ.ศ. 2558

ภายใต้ทีมงานบริหารเดิม ทางบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตัดสินใจ มีความพร้อมในการลงทุนเพื่อแข่งขันทางการตลาด รวมทั้งได้จัดตั้งทีม Analyst ขึ้นเพิ่มเติม เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผล
การดำเนินงาน การวิเคราะห์วางแผนสำหรับทีมผู้บริหารทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรที่กำหนดไว้

พ.ศ. 2559

ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (Neo Corporate Co., Ltd.) และบริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด(Neo Factory Co., Ltd.) พร้อมปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท เพื่อยกระดับมาตรฐานของบริษัทให้ทัดเทียมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง เริ่มก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าใหม่ที่ รังสิต คลอง13 บนเนื้อที่ 188 ไร่ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เติบโตขึ้นตามยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท

พ.ศ. 2560

ย้ายสถานที่ทำการของสำนักงานมายังอาคาร นีโอ คอร์ปอเรท ซอยสุขุมวิท 54 เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับผู้ร่วมงาน เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 โดยเลือกเฟ้นสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 4 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นส่วนของสวนต้นไม้ถึง 1 ไร่กว่า เพิ่มความร่มรื่น ผ่อนคลาย ทั้งยังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือรถยนต์ส่วนตัว สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้อย่างง่ายดายผ่านทางด่วนพิเศษถึง 2 เส้นทาง

พ.ศ. 2561

โรงงานและคลังสินค้าที่ รังสิต คลอง 13 เริ่มปฏิบัติการเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคม 2561 พร้อมนำระบบ AS/RS (Automated Storage and Retrieval System) มาช่วยในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกในการจัดส่ง สั่งซื้อ เติมเต็ม ตรงเวลา รวมถึงลดการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด จึงมั่นใจได้ถึงความสะอาดของผลิตภัณฑ์เมื่อถึงมือผู้บริโภค

ปัจจุบัน

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

พ.ศ. 2532

ด้วยปณิธานและความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กับผู้บริโภคคนไทย พร้อมความเข้าใจถึงความต้องการอย่างแท้จริง ทั้งภาพลักษณ์อันทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน ในราคาที่เหมาะสม จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลประเภท โคโลญ และ ดีโอโดแรนท์ โรลออน ภายใต้แบรนด์ เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) ซึ่งได้รับความนิยมทันทีที่ออกสู่ตลาด ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์สำหรับวัยรุ่นหญิง

พ.ศ. 2533

ตอบโจทย์ให้กับความต้องการของผู้ชายที่อยากเสริมความมั่นใจ และเติมความใส่ใจในการดูแลตนเอง ด้วยผลิตภัณฑ์โคโลญ และ โรลออน ภายใต้แบรนด์ ทรอส (TROS) ซึ่งนับเป็นโคโลญผู้ชายแบรนด์แรกของประเทศ โดยได้รับการตอบรับจากตลาดในทันที พร้อมคงความเป็นที่ 1 ตลอดมา

พ.ศ. 2534

ขยายตลาดสู่การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลครัวเรือน โดยนำเสนอแบรนด์ ไฟน์ไลน์ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างตลาดของผลิตภัณฑ์รีดผ้าเรียบ ประกอบกับการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ชนิดถุงหรือ Pouch เนื่องจาก
เล็งเห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของ
ผู้บริโภค ส่งผลให้ ไฟน์ไลน์ กลายเป็นเจ้าตลาดรีดผ้าเรียบและอัดกลีบภายใน 2-3 ปีจากนั้น

พ.ศ. 2538

ผลิตภัณฑ์ไฟน์ไลน์ ขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทซักผ้า (Delicate Wash) ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค สะท้อนผ่านส่วนแบ่งทางการตลาดซึ่งจัดอยู่ที่อันดับ 2 ภายใน
ปีแรก

พ.ศ. 2540

เพิ่มความใส่ใจและดูแลสมาชิกในครอบครัวอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดสำหรับเด็ก แบรนด์ ดีนี่ (D-nee) โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ซักผ้า ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปีแรก ก็ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อและคุณแม่ในการช่วยดูแลลูกน้อย กับส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2

พ.ศ. 2542

ตอบรับความต้องการ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจของผู้หญิงด้วยผลิตภัณฑ์ดีโอโดแรนท์ จากแบรนด์ วีไวต์ (Vivite) โดยมีคุณลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มาจากส่วนผสมธรรมชาติ จึงนับเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดนี้ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

พ.ศ. 2545

สร้างความแตกต่างโดดเด่นให้กับตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำด้วยแบรนด์ บีไนซ์ (BeNice) ที่เน้นคุณสมบัติเด่นด้านการกระชับผิว พร้อมส่วนผสมจากสารสกัดผลไม้ให้กลิ่นหอมสดชื่น จึงได้รับความนิยมทันทีที่เข้าสู่ตลาดการันตีด้วยการติดอันดับ top 3 ซึ่งตลาดมีการแข่งขันสูงมาก ขณะที่ บีไนซ์ สูตรสีเขียวได้ครองอันดับ 1 ในหลายช่องทางการจัดจำหน่ายตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

พ.ศ. 2548

ตอบโจทย์ความต้องการด้านคุณภาพ ความหอมยาวนาน ราคาคุ้มค่า ของตลาดผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มด้วยแบรนด์ สมาร์ท (SMART) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นจากส่วนแบ่งการตลาดที่ทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 ของเซ็กเมนต์ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี

พ.ศ. 2550

ขยายโอกาสทางธุรกิจและการตลาด ด้วยการจัดตั้งแผนกส่งออก (Export Department) เพื่อรองรับความสนใจของผู้บริโภคในหลากหลายประเทศ โดยสร้างการเติบโตทาง
ยอดขายอย่างต่อเนื่อง

พ.ศ. 2552

สร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดในประเทศกับผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวสำหรับเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป โดยแนะนำ ดีนี่ คิดส์ (D-nee Kids) ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในเซ็กเมนต์นี้

พ.ศ. 2553

ศาสตร์แห่งความสะอาดล้ำลึกสไตล์ญี่ปุ่นได้ถูกถ่ายทอดมายังคุณแม่บ้านในไทย เพื่อช่วยดูแลความสะอาดภายในบ้านได้อย่างสะอาด รวดเร็ว และมั่นใจ กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นบ้านและห้องน้ำภายใต้แบรนด์ โทมิ (Tomi)

พ.ศ. 2558

ภายใต้ทีมงานบริหารเดิม ทางบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตัดสินใจ มีความพร้อมในการลงทุนเพื่อแข่งขันทางการตลาด รวมทั้งได้จัดตั้งทีม Analyst ขึ้นเพิ่มเติม เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผล
การดำเนินงาน การวิเคราะห์วางแผนสำหรับทีมผู้บริหารทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรที่กำหนดไว้

พ.ศ. 2559

ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (Neo Corporate Co., Ltd.) และบริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด(Neo Factory Co., Ltd.) พร้อมปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท เพื่อยกระดับมาตรฐานของบริษัทให้ทัดเทียมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง เริ่มก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าใหม่ที่ รังสิต คลอง13 บนเนื้อที่ 188 ไร่ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เติบโตขึ้นตามยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท

พ.ศ. 2560

ย้ายสถานที่ทำการของสำนักงานมายังอาคาร นีโอ คอร์ปอเรท ซอยสุขุมวิท 54 เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับผู้ร่วมงาน เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 โดยเลือกเฟ้นสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 4 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นส่วนของสวนต้นไม้ถึง 1 ไร่กว่า เพิ่มความร่มรื่น ผ่อนคลาย ทั้งยังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือรถยนต์ส่วนตัว สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้อย่างง่ายดายผ่านทางด่วนพิเศษถึง 2 เส้นทาง

พ.ศ. 2561

โรงงานและคลังสินค้าที่ รังสิต คลอง 13 เริ่มปฏิบัติการเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคม 2561 พร้อมนำระบบ AS/RS (Automated Storage and Retrieval System) มาช่วยในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกในการจัดส่ง สั่งซื้อ เติมเต็ม ตรงเวลา รวมถึงลดการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด จึงมั่นใจได้ถึงความสะอาดของผลิตภัณฑ์เมื่อถึงมือผู้บริโภค

พ.ศ. ปัจจุบัน

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

นีโอ คอร์ปอเรท

บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจดทะเบียน จัดตั้งบริษัทฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2532 โดย ดำเนินธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค และ เครื่องสำอาง (ซึ่งผลิตโดยบริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด) ภายใต้แบรนด์ทางการค้า คือ เอเวอร์เซ้นส์ ทรอส ไฟน์ไลน์ ดีนี่ วีไวต์ บีไนซ์ สมาร์ท และโทมิ

ดูรายละเอียด

นีโอ แฟคทอรี่

เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกปี ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของตลาด บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด ได้สร้างฐานการผลิตใหม่ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 188 ไร่ โดยออกแบบอาคารสำนักงานส่วนโรงงานให้มีการผสมผสานรูปทรงของ รวงผึ้ง หรือ รังผึ้ง ที่สื่อถึงความสามัคคีในการทำงาน แบ่งหน้าที่ และประสานกันเป็นอย่างดี จึงได้รูปทรงหกเหลี่ยมที่เรียงต่อกันแบบไม่เกิดช่องว่าง ทำให้รังมีความมั่นคงแข็งแรงที่สุดเปรียบเสมือนพลังสามัคคีของพนักงานนีโอฯ ทุกคนที่มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ พร้อมทั้งแนวคิดที่จะพัฒนาเป็น Modern Lifestyle Office ที่มี Landscape กว้างขวาง ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับผู้ร่วมงาน

ดูรายละเอียด